วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563

ดีมากๆ ทฤษฎีของ ดร.เกริก ทำนาใช้น้ำน้อยปลูกข้าว 1 ไร่ ได้ 6 ตัน



ดร.เกริก หลังจากเรียนรู้ทางด้านเกษตรจบมาจากต่างประเทศ ก็ได้เริ่มอาชีพแรก คือ “พ่อพิมพ์ของชาติ” เขาเริ่มต้นชีวิตครู ด้วยการสอนวิชาอังกฤษ ที่โรงเรียนสันติภาพฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้น มาสอนที่ โรงเรียนดาราสมุทร ต่อด้วย ที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และเป็นครูสอนพิเศษบ้าง
แต่ก็เจอคู่แข่งสำคัญคือ “เจ้าของภาษา” ซึ่งชาวต่างชาติเริ่มเข้ามาสอนในเมืองไทยมากขึ้น จึงหันเหมาสอนวิชาภาษาไทย เป็นอาจารย์พิเศษ มศว บางแสน บ้าง ในขณะเดียวกัน ก็ทำอาชีพนายหน้าที่ดินด้วย จับมาขายไป รายได้เป็นกอบเป็นกำ จากคนเป็นครูสู่อาชีพนายหน้า ทำให้ ดร.เกริก กลายเป็น “เสี่ยเกริก” เปลี่ยนอาชีพไปเรื่อยๆ เพราะความไม่พอจนหมดตัว สุดท้ายหันกลับมาปลูกต้นไม้ทำการเกษตรบนที่ดินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้
ดร.เกริก ได้ความรู้มาจากการค้นคว้า และลงมือทำนาจริง และความรู้จากลูกสาวที่เรียนญี่ปุ่นอีกด้วย ไปถอดความรู้เรื่องการทำนาของชาวนาญี่ปุ่นว่าทำไมเขาจึงทำนาในพื้นที่ไม่มากแต่ได้ผลผลิตสูง
แนวคิดการทำนา 1 ไร่ ให้ได้ผลผลิตสูง ปริญญาชีวิตสรุปใจความสำคัญของการปลูกข้าวในระบบใหม่นี้ได้ดังนี้
การปรับสภาพดินและกำจัดวัชพืช
หลังเก็บเกี่ยวให้ปลูกปอเทืองในพื้นที่เมื่อได้ระยะเวลาก็ไถกลบไปพร้อมกับตอซัง ฟางหญ้า หากไม่มีก็ให้ใช้ใบไม้ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หว่านให้ทั่วแปลง ในอัตราไร่ละ 5-1O กระสอบ (หากได้ไร่ละ 1 ตันจะดีมาก)
ใช้น้ำหมักจุลินทรีบ์หน่อกล้วยประมาณ 5-1O ลิตร ผสมน้ำ 2OO ลิตร รดทั้งพื้นที่ แล้วไถกลบทิ้งไว้ 2O-3O วัน เพื่อปรับสภาพดินและกำจัดเมล็ดวัชพืชที่อยู่ในดิน ขั้นตอนนี้หากทำในพื้นที่ดินไม่ดี สามารถทำได้หลายรอบตามต้องการ
การปลูก
ไถคราด หรือปั่นด้วยโรตารีให้ดินเสมอเพื่อพร้อมสำหรับปลูก โดยใช้วิธีการหยอดเมล็ด ใช้ระยะห่างระหว่างกอ 4O*4O ซม. โดยในเมล็ดที่หยอดในแต่ละหลุดให้มีความห่างกัน 5-7 เซนติเมตร โดยหากเป็นข้าวหอมมะลิให้หยอด 5 เมล็ดต่อกอ ในขั้นตอนนี้ ให้ใช้เชือกขึงเพื่อความสะดวกรวดเร็ว
หลังหยอดเมล็ดต้องรักษาความชื้นในแปลงปลูกอย่าให้ดินแห้ง และก็อย่าให้น้ำขังจนกว่าเมล็ดจะงอก หากแล้งมากให้ใช้ระบบเทปน้ำพุ่งมาแก้ไขปัญหาตลอดฤดูการเพาะปลูก แต่หากฝนดีไม่แล้ง ให้ใช้ระบบปลูกแบบแห้งสลับเปียก

การดูแล บำรุงแปลงปลูก
เดือนแรก ใช้น้ำส้มควันไม้ ยูเรียน้ำอินทรีย์ จุลินทรีย์หน่อกล้วย อย่างละ 3O cc ผสมน้ำ 2O ลิตร ฉีดพ่นสัปดาห์ละครั้งเพื่อบำรุงใบ
เดือนที่ 2 ใช้น้ำส้มควันไม้ น้ำหมักมูลค้างคาว จุลินทรีย์หน่อกล้วย อย่างละ 3O cc ผสมน้ำ 2O ลิตร ฉีดพ่นสัปดาห์ละครั้งเพื่อบำรุงลำต้นให้แตกกอดี
เดือนที่ 3-4 ให้ใช้ฮอร์โมนไข่ จุลินทรีย์หน่อกล้วย อย่างละ 3O cc ผสมน้ำ 2O ลิตร ฉีดพ่นสัปดาห์ละครั้งไปจนเก็บเกี่ยวเพื่อบำรุงมีการเปิดตาดอก รวงยาว และเมล็ดสมบูรณ์
หากแปลงปลูก วัชพืชหญ้าขึ้นรบกวนให้รีบถอนทิ้ง อย่าให้วัชพืชสูงเกินต้นข้าว
การทำจุลินทรีย์ ฮอร์โมน
จุลินทรีย์หน่อกล้วย ใช้หน่อกล้วยสูง 1 เมตรจำนวน 3O กิโลกรัมสับให้ละเอียด ใส่ถังพลาสติกทึบแสง กากน้ำตาล 1O กิโลกรัม น้ำสะอาด 1OO ลิตร คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ 2 วัน 2 คืน (ห้ามให้อากาศเข้า)
วันที่ 3 ให้เปิดฝาแล้วเติมน้ำให้ท่วม และหมักต่ออีก 7 วันแบบเปิดฝาให้อากาศเข้าได้สะดวก โดยในระหว่างหมักช่วงที่สอง ต้องให้หน่อกล้วยจมน้ำ หรือให้น้ำท่วมอยู่ตลอดเวลา ก็จะสามารถใช้ได้เมื่อผ่านไปครบ 9 วันตั้งแต่เริ่มต้น และสามารถเก็บไว้ใช้งานได้ 6 เดือน
ปุ๋ยยูเรียน้ำอินทรีย์ ใช้ถั่วเหลือบดละเอียด 1 กิโลกรัม สับปะรดสับละเอียด 2 กิโลกรัม น้ำมะพร้าวหรือน้ำซาวข้าว 1O ลิตร กากน้ำตาล 3 กิโลกรัม จุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตร ผสมให้เข้ากัน ใส่ถังหมัก 15 วัน เปิดคนทุกวัน ครบกำหนดจะได้ยูเรียน้ำอินทรีย์ (ยูเรียสูตรนี้ 4 ลิตร มีสรรพคุณเท่ากับปุ๋ย 46-O-O หนึ่งกระสอบ)
ฮอร์โมนไข่ ใช้ไข่ไก่สด 5 กิโลกรัม กากน้ำตาล 5 กิโลกรัม ยาคูลท์ 1 ขวด แป้งข้าวหมาก 1 ก้อน ตีไข่ให้เข้ากัน ผสมกากน้ำตาล นำเปลือกไข่มาตำให้ละเอียดผสมกับวัตถุดิบทั้งหมด หมักในถังพลาสติกปิดฝา คนทุกวัน ครบ 14 วัน ให้กรองเอากากออก จะได้ฮอร์โมนไข่ สำหรับไว้ใช้งาน
ที่นา 1 ไร่ ได้ผลผลิต 6 ตัน เป็นไปได้หรือ ดร.เกริก บอกว่าตนเองทำได้ แต่ทำในพื้นที่ 1 ไร่เท่านั้น หากทำในพื้นที่มากกว่านี้จะดูแลไม่ทั่ว

ขอบคุณบทความดีๆจาก 
http://pagenews.net/?p=4251

วิธีการขอไฟเกษตรลงมาใช้ในพื้นที่ สวนไร่นา


หลายคนอาจสงสัยว่า ไฟเกษตร คืออะไร แตกต่างจากไฟฟ้า ในบ้านเรือนทั่วไปหรือไม่ โดยความหมายจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ให้ความหมายว่า ไฟเกษตร คือ การนำไฟฟ้า มาใช้ภายในสวน ของเกษตรกรเพื่อทำการเกษตร เช่น ใช้กับเครื่องสูบน้ำ หลอ ดไฟต่าง ๆ เป็นต้น
9 หลักเกณฑ์การขอใช้ไฟฟ้าฟรี สำหรับใช้ใน ไร่นา
ได้รับกา ร รับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ เพื่อ ยืนยันตัวตนว่าไม่ได้อ ยู่ในพื้นที่หวงห้ามใดๆ ของทางราชการ
ต้องมีเส้นทางสาธารณะที่รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้อย่างสะดวก
สามารถดำเนินการก่อสร้างระบบจำหน่ายโดยวิ ธีปักเสาพาดสายไฟเข้าไปถึงจุดที่ขอใช้ไฟฟ้าได้
ได้รับกา ร รับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ เพื่อ ยืนยันขนาดพื้นที่และชนิดของกิจก ร ร มการผลิตทางการเกษตรที่ต้องการใช้ไฟฟ้า
ต้องระบุแหล่งน้ำที่จะใช้เพื่อ การผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ที่ขอใช้ไฟฟ้า เช่น คลองสาธารณะ คลองชลประทาน แหล่งน้ำใต้ดินในลักษณะต่างๆ
ต้องมีเอ กสาร/หลักฐานสิทธิ์ต ามประมวลกฎหมายของพื้นที่ทำการเกษตร แต่ต้องไม่ใช่ที่ดินที่ถือครองโดยเอ กชนรายใหญ่
เป็นเกษตรก ร ร ายย่อ ยที่ขอติดตั้งมิเตอร์ ขนาดไม่เกิน 15(45) แอ มป์ ต่อ 1 ราย
ต้องสามารถออ กใบแจ้งหนี้ค่ากระแสไฟฟ้ามิเตอร์เครื่องที่ 2(ใหม่) โดยจะแจ้งเก็บเงินไปที่มิเตอร์เครื่องที่ 1(เก่า) ทั้งสองมิเตอร์ต้องอ ยู่ในเขตพื้นที่ของการไฟฟ้าเดียวกัน
ค่าใช้จ่ายในการขย ายเขตต่อราย เฉลี่ยไม่เกิน 50,000 บาท (PEA. รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการขย ายเขต)
เอ กสารที่ต้องเตรียม
สำเนาทะเบียนบ้าน
สำเนาโฉนดที่ดิน
สำเนาบัตรประชาชน
ใบรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ
ขั้ นต อ นขอไฟเกษตรมีดังนี้
การขอไฟฟ้ามาลงที่สวนของเรานั้น สิ่งที่จำเป็นคือหากส่วนอ ยู่ติดบ้าน เราแค่งถ่ายรูปที่พักและห้องน้ำไปให้อนามัยในพื้นที่มาตรวจพร้อ มกับเซ็นต์เอ กสา ร รับรองการเป็นอ ยู่ที่ถูกสุขลักษณะ จากนั้นก็นำหนังสือไปยื่นกับผู้ใหญ่บ้านหรือผู้รับผิดชอบในการขอบ้านเลขที่ต่อไป จากนั้นให้นำหนังสือรับรองจากผู้ใหญ่บ้านไปยื่นต่อที่อำเภอ เพื่อลงทะเบียนขอสำเนาทะเบียนบ้าน ตอนนี้เราก็จะมีสำเนาทะเบียนบ้านพร้อ มบ้านเลขที่เรียบร้อ ยแล้ว
แต่หากสวนหรือไร่นาอ ยู่ไกลจากตัวบ้านสิ่งที่ต้องทำคือ ต้องสร้างเพิงพักหรือที่พักที่ดูมั่นคงพร้อ มกับห้องน้ำ เพราะการมีห้องน้ำจะเปรียบเสมือนว่าเราจะมาอ ยู่ถาวร (ถึงแม้ว่ายังไม่ได้อ ยู่ถาวรตอนนี้เลยก็ต าม) ฉะนั้นห้องน้ำจึงมีความจำเป็น มากสำหรับใช้ประกอบหลักฐานในการขอบ้านเลขที่ จากนั้นก็ทำต ามขั้นต่อขั้นต้น จากนั้น เตรียมเอ กสารได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาโฉนดที่ดินและสำเนาบัตรประชาชน
จากนั้นนำเรื่องไปยื่นกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้นๆเช่น อบต. หรือเทศบาลต ามพื้นที่อ ยู่อาศัย เจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอ กเอ กสารเพื่อรับรองโดยแนบสำเนาทะเบียนบ้านของเราและเพื่อนบ้านไปพร้อ มกัน หลังจากที่ยื่นเรื่องที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเรียบร้อ ยแล้ว ก็นำเอ กสารไปยื่นไว้
ที่การไฟฟ้าในอำเภอของเรา แล้วกรอ กเอ กสารให้เรียบร้อ ย ซึ่งเป็นการยื่นเรื่องไว้รอ และอย่าลืมถามความเป็นไปได้ในการที่จะได้ไฟฟ้าเข้าในพื้นที่ด้วย แนะนำให้รวมกลุ่มกันตั้งแต่ 3 หลังขึ้นไปก็จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น
ค่าธ ร ร มเนียมในการยื่นขอ มิเตอร์ไฟฟ้า
5(15) แอ มป์ ค่าธ ร ร มเนียม 1,000 บาท 15(45) แอ มป์ 1 เฟส ค่าธ ร ร มเนียม 6,450 บาท และ 15(45) แอ มป์ 3 เฟส ค่าธ ร ร มเนียม 21,350 บาท
ข้อคว ร รู้การขอไฟเกษตรต้องดูแนวโน้มในพื้นที่ด้วยว่าจะมีไฟฟ้าเข้ามาด้วยหรือไม่ และต้องมีบ้านอ ยู่ในโซนเดียวกันตั้งแต่ 3 หลังขึ้นไป แต่หากพื้นที่มีบ้านหลังเดียวก็สามารถขอไฟฟ้าพิเศษได้ แต่ค่าไฟจะสูงกว่าปกติ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1129
ขอบคุณรูปภาพเเละบทความดีๆจาก https://www.deelight888.com/

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563

รีวิว ทำบ่อปลาแบบบ้านๆ ใช้งบไปไม่ถึง2,000บาท

รีวิว ทำบ่อปลาแบบบ้านๆ ใช้งบไปไม่ถึง2,000บาท

สวัสดีครับ วันนี้เราก็มีไอเดียแต่งบ้านจัดสวนสวยๆ มาให้เพื่อนๆ   ได้รับชมกันอีกเช่นเคย วันนี้ก็เป็นไอเดียจากคุณ Benny Wongyai ที่ได้มาแชร์ในกลุ่มอวดสวนโชว์บ้านสวย ซึ่งเป็นไอเดียในการทำบ่อปลาแบบบ้าน ๆ ประหยัดงบ ตามความฝันอยากมีบ่อปลามุมจิบกาแฟที่บ้าน ซึ่งขอบอกว่าทำเสร็จแล้วสวยเกินงบไปเยอะเลย 


ผลงาน & รูปภาพ : Benny Wongyai
เรียบเรียง : iHome108

เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคน ก็เคยคิดที่อยากจะมีบ่อปลาไว้ติดบ้านกันสักบ่อ แต่เมื่อเราไปดูราคาสำหรับสร้างบ่อปลาสักบ่ออาจจะเหงื่อตกและพักโครงการเอาไว้ก่อน ^^ แต่สำหรับคุณ Benny อุปสรรค์ไม่สามารถหยุดยั้งความฝันที่อยากมีบ่อปลาไว้ได้ จึงเริ่มลงมือจัดการสร้างขึ้นมาเองซะเลย

เริ่มจากเตรียมพื้นที่ เพื่อทำการขุดบ่อ

เมื่อได้พื้นที่ ที่ต้องการแล้ว ก็ทำการขุด>>โดยใช้จอบและเสียม หนักเอาการ



แล้วก็ขุด ขุด ขั้นตอนนี้จะเหนื่อยหน่อยเพราะใช้แรงขุดเอง
ได้ลึกตามที่เราพอใจ ก็ใช้พลาสติกปูเพื่อกันน้ำรั่ว1ชั้น

จากนั้นก็เข้าสู่การเก็บหินในป่าเขา ซึ่งเป็นไร่สำหรับทำการเพาะปลูก แต่ก่อนเก็บก็ต้องทำการขอ ขมาเจ้าที่เจ้าทางกันก่อน





ผสมปูนเสร็จก็ก่อหินขึ้นรอบ
ๆอ่าง



ก่อหินจนกว่าจะได้ตามที่เรา
ต้องการ

ทำการฉาบปูนทับอีกรอบ ฉาบทั้งด้านข้างและพื้นบ่อ>>
(ใช้ปูนแบบผสมกับน้ำยากันซึม)



ฉาบทิ้งไว้ประมาณ1อาทิตย์จนแห้ง ก็ทดสอบเอาน้ำใส่บ่อได้ เล๊ย  

แช่น้ำประมาณ 15 วันก็นำปลามาใส่บ่อ



 ในที่สุดก็มีมุม จิบกาแฟในตอนเช้าชิวๆแล้ว

มุมมองของบ่อปลายามเย็น

รายละเอียดงบที่ใช้
1. ปูนซีเมนต์40โลราคากระสอบละ120×4ถุง =480บาท
2. น้ำยากันซึม 1 แกลอนราคา 250บาท
3. ผ้ายางเมตรละ55บาทหน้ากว้าง4เมตร ใช้ทั้งหมด6เมตรx55=330บาท
4.อุปกรณ์ต่อท่อน้ำทั้งหมด กาว 1กระป๋อง15บาท
วาวล์2ตัว80บาท ท่อ1เส้น40 เกลียวนอกเกลียวในอย่างละ2ตัว20บาท ข้อต่อข้องอ4ตัว20บาท รวมราคาอุปกรณ์ทำท่อ=175บาท
5 ปั้มน้ำแบบแช่ 650บาท
…….รวมราคาทำบ่อปลาทั้งหมด 1,915บาท….
รายละเอียดอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ
1.หิน หาเก็บตามป่าเขา บ้านอยู่ในชนบทเลยหาเก็บได้ง่ายค่ะ
2.ถังกรอง ใช้ที่มีอยู่แล้วที่บ้าน
3.ปลา เอามาจากในท่อซีเมนต์ที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
นอกนั้นสัพเพเหระ หาเอาที่มีอยู่ในบ้านค่ะ

ไอเดียทำบ่อปลาสวย ๆ จากคุณ Benny 
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก https://ihome108.com/

ใบอ้อยมีค่าอย่าเผาทิ้ง โรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวงรับซื้อตันละ 1 พันบ.

ใบอ้อยมีค่า อย่าเผาทิ้ง โรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวงรับซื้อตันละ 1 พันบ. (ชมคลิป)


เมื่อวันที่ 20 มกราคม  2563  ที่ศาลากลางจังหวัดเลย  สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เลย จัดแถลงข่าว การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ไฟป่าและหมอกควัน มีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้แทนจากโรงงานน้ำตาลทั้งสองแห่งในจังหวัดเลย และสื่อมวลชนเข้าร่วม
นายสมศักดิ์  จวงพลงาม  ผู้แทนจากโรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวง  อ.วังสะพุง  กล่าวว่า  พื้นที่ปลูกอ้อยของโรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวงในจังหวัดเลยมีประมาณ 400,000 ไร่  มีเกษตรกร 6,400 ราย 



 ปีนี้มีผลผลิตป้อนเข้าสู่โรงงานลดลงประมาณร้อยละ 30 เพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง  จึงคาดว่าจะปิดหีบอ้อยได้ไม่เกินวันที่ 10 มีนาคม หรือช่วงเดือนกุมภาพันธ์  สำหรับมาตรการลดการเผาอ้อย ทางโรงงานมิตรภูหลวงได้รณรงค์ให้เกษตรกรตัดอ้อยสดอย่างต่อเนื่อง  พร้อมตั้งรางวัลนำจับคนเผาอ้อย หากคดีถึงที่สุดแล้ว จะได้รับเงิน 50,000 บาท 



นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนรถเครื่องจักรสำหรับตัดอ้อยสด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7 คัน จากเดิม 20 คัน  พร้อมกับสนับสนุนรถติดตั้งเครื่องสานใบอ้อย   ปีนี้ส่งเสริมไป 170 ชุด รวมพื้นที่ประมาณ 70,000 ไร่ 

 
ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่โรงงานฯประกาศรับซื้อใบอ้อยตันละ 1
,000 บาท  ตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ซื้อไปแล้ว 6,000 ตัน  จากที่ตั้งเป้าไว้ 40,000 ตัน  ทำให้ในปีนี้โรงงานฯมีอ้อยสดเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 20 


เป็นผลมาจากเกษตรกรให้ความร่วมมือตัดอ้อยสดเป็นอย่างดี  ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็สนับสนุนเงินให้แก่เกษตรกรที่ตัดอ้อยสด ขายได้เพิ่มอีกตันละ 130 บาท คาดว่าปีนี้จะได้อ้อยสดร้อยละ 70 ตามแผนที่กำหนดไว้

ขอบคุณบทความดีๆจาก https://www.loeitime-online.com/